เบื้องหลังการจัดตั้งสมาคมนิติศาสตร์ มสธ.
ผู้ช่วยศาสตราจารย์อรรถสิทธิ์ ชื่อสงวน
สมาคมนี้ตั้งขึ้นโดย ความรัก ศรัทธา ภาคภูมิ และผูกพัน ในมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ซึ่งเป็นสถาบันของเรา ในสาขาวิชานิติศาสตร์ซึ่งเป็นสาขาวิชาของเรา ในวิชานิติศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาการและวิชาชีพของเรา ในคณาจารย์ ซึ่งเป็นอาจารย์ของเรา และในบัณฑิตและนักศึกษานิติศาสตร์ ซึ่งเป็นพี่ เพื่อน และน้อง ๆ ของเราทุกคน
ความสำเร็จในการก่อตั้งสมาคมนี้ เกิดขึ้นจากความเชื่อมั่นตนเองที่จะสร้างความดีแก่สังคม สถาบัน สาขาวิชา และสมาชิก ความดีในที่นี้ผมหมายถึง ความดีบริสุทธิ์ที่เป็นประโยชน์ท่าน มิใช่ประโยชน์ตน เป็นการทำให้มิใช่ทำเอา เป็นความกล้าหาญ - ไม่พรั่นพรึง มีศักดิ์ศรี ไม่ย่อท้อ - มีพลัง มิใช่ความขลาดกลัว - หวั่นไหว ขาดความเชื่อมั่น ท้อถอย หมดกำลังใจแต่อย่างใด
ขอประกาศยืนยันว่า เราเป็นนิติศาสตร์ และเราทุกคนนี่แหละช่วยกันสร้างสมาคมนี้ขึ้นมา มิใช่โดยผู้ใดแต่เพียงลำพัง ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ บัณฑิต หรือนักศึกษา ท่านหนึ่งท่านใด แต่เกิดจากบัณฑิต และนักศึกษานิติศาสตร์ มสธ. รวมทั้งคณาจารย์ทุกท่าน ร่วมแรงร่วมใจ ทุ่มเทกำลังกาย กำลังทรัพย์ กำลังความคิด และสรรพกำลัง ทั้งปวงมาสร้างขึ้น ดังนั้น ขอให้บัณฑิต นักศึกษา และคณาจารย์ทุกท่าน ได้โปรดช่วยกันรักษา และสร้างความเป็นปึกแผ่น เข้มแข็งแก่สมาคมนี้ เพื่อให้สมาคมนี้ได้มีพลังที่จะสร้างสรรค์ประโยชน์แก่ชาวนิติศาสตร์ มสธ. สมาชิก สาขาวิชา สถาบัน และสังคมได้อย่างแท้จริงและยาวนาน สืบไป
ขอย้อนเล่าเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสมาคมนิติศาสตร์สักเล็กน้อย ช่วงปี ๒๕๒๕ ผมรับราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และแอบชื่นชมงาน ความสามารถ และบุคลิกของท่านศาสตราจารย์ ดร.วิจิตร ศรีสอ้าน รองปลัดทบวงมหาวิทยาลัยในฐานะอธิการบดี มสธ.มาก และท่านผู้ใหญ่หลายคน ในทำเนียบรัฐบาลก็ศรัทธาอาจารย์ วิจิตร กันทั้งนั้น ผมชอบวิธีการทำงานแบบ มสธ.ในลักษณะต่าง ๆ และอยากศึกษาวิธีการและหาประสบการณ์เพื่อเอาไปใช้ในทำเนียบบ้าง จึงหาเวลาไป มสธ. สมัยนั้นสาขานิติศาสตร์อยู่ที่โรงแรมเอเซีย ชั้นที่ ๑๑ ราชเทวี กทม. เพื่อกราบเยี่ยม อาจารย์ ศรีราชา เจริญพานิช ( สมัยนั้นเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ ) ในตำแหน่งประธานกรรมการประจำสาขาวิชานิติศาสคร์ ซึ่งเป็นอาจารย์ของผมสมัยเรียนที่ธรรมศาสตร์ โดยสมัครเป็นอาจารย์สอนเสริมและท่านอาจารย์ศรีราชา ได้กรุณารับเป็นอาจารย์สอนเสริมและหลังจากนั้น มสธ.ก็นัดให้อาจารย์สอนเสริมไปอบรมวิธีการสอนเสริมแบบ มสธ. ผมได้ความรู้แปลก ๆ กลับไปมากเกินคาด แต่ที่สงสัยมาก คือ นักศึกษาล่ะ คงเหงาแย่เลย เพราะสมัยนั้น ชมรมนักศึกษามีเพียงบางจังหวัดและมีกิจกรรมก็ประปรายเท่านั้น เวลาไปสอนเสริมสังเกตดูว่านักศึกษาค่อนข้างเหงา ทราบว่ามหาวิทยาลัยกำหนดให้มีชมรมนักศึกษาได้เหมือนกัน แต่ต้องรวมกันเป็นแบบพื้นที่ ไม่ใช่สาขาวิชา ด้วยเหตุนี้ผลของมหาวิทยาลัย ผมมองว่าก็คงดีแบบของมหาวิทยาลัย แต่คงยังไงยังไงก็ไม่รู้ ตามแบบของนักศึกษา เพราะถึงจะเป็น มสธ. เหมือนกัน แต่คิดคนละอย่าง สนใจคนละเรื่อง ปัญหาต่างกัน ความต้องการหรือความไม่ต้องการก็ต่างกัน มักจะปึ๊ก ๆ กันได้อย่างไร ( สำนวน คุณเสฐียร บุญมีรัตนโยธิน ) แต่เอาเถอะ เรื่องของเขา เราเป็นเพียงอาจารย์พิเศษ เท่านั้น สอนไปเพลิน ๆ สนก มีความสุข กับการให้ ให้ด้วยจิตใจ เกิดความรักการเป็นครูมากขึ้น ๆ พอ มสธ. เปิดสอบอาจารย์ก็ลองมาสอบดู เกิดได้ เลยลองโอนดู คิดว่าเอาไงก็เอากัน ทีนี้เลยสนุกใหญ่ ได้สอน ได้เป็นครูสมใจ และยิ่งคิดถึงพระคุณครูบาอาจารย์ จากชั้น
ประวัติความเป็นของสมาคม :